โลกสมัยนี้หมุนไปไวยิ่งกว่าความเร็วแสง และหลายคนคงไม่ปฏิเสธ กระแสต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป บางคนเป็นผู้นำบางคนวิ่งตาม วงการแฟชั่นเป็น อีก 1 สิ่งที่เกิดขึ้นเร็วและไปไวมาก และคนส่วนใหญ่ให้ความสนใจและมองว่านี่คือสิ่งที่สร้างความสุขให้กับเราได้ก็นะ ชีวิตมันเครียด เราก็ต้องหาความสุขทางกายและทางใจ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้เรามีตัวตน
การมีตัวตนและอยากให้สังคมยอมรับไม่ใช่เรื่องผิดนะคะ แต่สิ่งเหล่านี้กำลังหล่อหลอมและเกิดขึ้นกับทุกคนแบบไม่รู้ตัว เสื้อตัวนั้นฉันยังไม่มี!! กางเกง ตัวนี้ฉันต้องซื้อ!!! หมดไปเท่าไรกับคำว่า “ของมันต้องมี” และสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่กลับมาบอกเรา you are what you wear สิ่งที่คุณสวมใส่กำลังบอกตัวตนคุณ กำลังบอกว่าคุณเลือกแล้ว เลือกที่จะตัดต้นไม้ เลือกที่จะใช้ทรัพยากร ใช้แรงงานคน เบียดเบียนสัตว์ พูดแล้วอาจจะมองว่าเวอร์มาก แต่อย่าลืมว่าแฟชั่นโตมาอย่างก้าวกระโดดมามากกว่า 20 ปีแล้ว และจะยังคงอยู่ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
นี่คือพฤติกรรม fast fashion ไม่ได้เกิดมาจากผู้ผลิตอย่างเดียวเท่านั้น แต่เกิดจากพฤติกรรมผู้บริโภคต่างหาก เราซื้อเยอะ นายทุนอยากขายเยอะ ใช้ทรัพยากรเยอะ ใช้แรงงานเยอะ เพื่อเสื้อผ้าตัวใหม่ของที่ใครๆ ก็ต้องมี
เกิดการผลิตขึ้นมากจนล้นตลาด เสื้อผ้าเหลือทิ้งเยอะ
แต่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นความสำคัญ ก็แค่เสื้อผ้า!! จะทำลายโลกขนาดไหนกัน??
แล้วแบบนี้ต้องหยุดซื้อเหรอ ถึงจะไม่ทำลายโลก?? เปลี่ยนมาตั้งคำถามกันใหม่ก่อนซื้อถามตัวเองดูว่า จำเป็นไหม? ใส่ได้นานไหม? ใส่แล้วจะเบื่อ ไหม? ถ้าซื้อมาแล้วใส่ได้นาน เปลี่ยนไม่บ่อย ไม่ทิ้งหมกไว้ในตู้
ซื้อใหม่น้อยลง ถือว่าช่วยได้เยอะมากในฐานะผู้บริโภค อาจจะมองว่าเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน “ไม่อินเทรนด์เลย” “ใส่ตัวนี้อีกแล้วเหรอ? ” ฮัลโหล!! Fashion & Self-esteem ค่ะ มั่นใจและให้คุณค่ากับตัวเอง มากกว่าบน เสื้อผ้า นี่คือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นเยอะ